พีช
Peach
ลูกพีช หรือที่ทุกคนรู้จักและเรียกติดปากว่า ลูกท้อ หลังจากที่โครงการหลวงได้นำยอดพันธุ์ดีจากต่างประเทศเข้ามาเปลี่ยนกับต้นตอท้อเดิม จนได้พันธุ์ใหม่ ที่มีผลใหญ่กว่า และสามารถรับประทานสดได้ ทำให้โครงการเปลี่ยนชื่อมาเป็น ลูกพีช แทน
พีช เป็นราชินีของไม้ผลเขตหนาว รองจากแอปเปิ้ล เพราะได้รับความนิยมในการบริโภค จึงมีการปลูกอย่างแพร่หลายในเขตอบอุ่น ทั้งในซีกโลกเหนือและซีกโลกใต้ สามารถเจริญเติบโตและผลิดอกติดผลในสภาพพื้นที่ที่มีอากาศเย็น ในระดับความสูงประมาณ 1,000 เมตรจากระดับน้ำทะเล ปัจจุบันโครงการหลวงได้นำพีชมาปลูกเพื่อส่งเสริมให้ราษฎรปลูกเพื่อสร้างรายได้
ลักษณะทั่วไป มีลักษณะผลกลม เมื่อสุกจะมีสีเหลืองทอง เหมาะสำหรับรับประทานผลสด มีรสชาติหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย หรือนำไปทำเป็นเมนูอาหารเสริมสุขภาพได้หลายชนิด อาทิ พีชลอยแก้ว แยมพีช สมูทตี้พีชสด สลัดพีชสด รวมทั้งส้มตำพีชสด ก็เป็นเมนูที่อร่อยไม่แพ้กัน พีชอุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินซี และอนุมูลอิสระ ที่ช่วยชะลอวัยได้ ส่วนเบต้าแคโรทีนในพีช ช่วยป้องกันโรคมะเร็งบางชนิด ผิวของลูกพีชด้านในมีคุณสมบัติเป็นแอสทริงเจนท์ช่วยกระชับกล้ามเนื้อของใบหน้า โดยใช้คลึงนวดเบาๆบนใบหน้า จะช่วยป้องกันการหย่อนคล้อยของกล้ามเนื้อพร้อมช่วยบำรุงผิว
พีชโครงการหลวงมี 4 พันธุ์ ได้แก่
1. พันธุ์ Earligrande มีรสชาติหวานนำ เนื้อนิ่ม ฉ่ำน้ำ จึงเป็นรสชาติที่ถูกปากคนไทย เหมาะรับประทานสด พันธุ์นี้มีจะงอยที่ก้นผลเด่นชัด น้ำหนักผลประมาณ 150-250 กรัม
2. พันธูุ์ Tropic Beauty มีรสชาติหวานอมเปรี้ยว เนื้อแน่นกรอบ เหมาะรับประทานสด ผลกลม ก้นผลไม่มีจะงอย น้ำหนักผลประมาณ 125-200 กรัม
3. พันธุ์ Jade เหมาะนำไปแปรรูป เช่น พีชลอยแก้ว แต่ก็สามารถรับประทานผลสดได้ มีผลค่อนข้างใหญ่ เมื่อสุกจะมีสีเหลืองทอง รสชาติหวานอมเปรี้ยว เนื้อแน่น ทรงผลค่อนข้างกลม น้ำหนักผลประมาณ 150-250 กรัม
4. พันธุ์ อำพันอ่างขาง มีรสชาติหวานอมเปรี้ยว ผลกลม ก้นผลไม่มีจะงอย เนื้อสีเหลืองอำพัน ฉ่ำน้ำ ไม่เละ เหมาะรับประทานสด น้ำหนักผลประมาณ 125-200 กรัม